เต้าหู้ อาหารเพื่อสุขภาพตัวจริง !!

เต้าหู้ อาหารเพื่อสุขภาพตัวจริง !!

เต้าหู้และถั่วเหลือง

เต้าหู้ถือกำเนิดที่ประเทศจีนเมื่อประมาณ 2000 ปีก่อน เป็นการแปรรูปจากเมล็ดถั่วเหลืองซึ่งมีโปรตีนมากกว่าเนื้อสัตว์บางชนิดถึง 2 เท่าในปริมาณที่เท่ากันแถมยังมีราคาไม่แพงอีกด้วย

เต้าหู้หั่นขว้าง

เต้าหู้จะมีประโยชน์มากเมื่อกินกับข้าวกล้อง เพราะว่าในเต้าหู้ที่ทำจากถั่วเหลืองจะมีกรดอะมิโนที่ชื่อว่า เมธิโอนีนน้อย แต่กลับมี ไลย์ซีนสูง ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับร่างกาย แต่ในข้าวกล้องกลับมี เมธิโอนีนสูง แต่มีไลย์ซีนน้อย เมื่อกินเต้าหู้กับข้าวกล้องก็จะทำให้เติมเต็มซึ่งกันและกันจนได้โปรตีนที่สมบูรณ์แบบเทียบเท่าโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้เลย !! (ดูประโยชน์ของกรดอะมิโน เมธิโอนีน และไลย์ซีน ด้านล่างเลยครับ)

เต้าหู้ราดซี่อิ้ว

เต้าหู้มีสารอาหารที่มีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็น แคลเซียม วิตามินบี กรดอะมิโน และยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากๆ เช่น
- ป้องกันโรคมะเร็ง
- เป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่ทรงคุณค่า
- ป้องกันโรคหัวใจ เพราะช่วยทำลายเฉพาะไขมันที่ไม่ดี ไม่ให้ไปอุดตันในเส้นเลือดหัวใจได้
- เป็นแหล่งแคลเซี่ยมมากกว่านม ช่วยเสริมสร้างความหนาแน่นของกระดูกได้ดี
- เส้นใยอาหารเยอะ ช่วยป้องกันท้องผูก และยังช่วยดูดซับไขมันตามเส้นเลือดได้ดี
- เหมาะกับผู้สูงอายุ เพราะเป้นแหล่งโปรตีนที่ย่อยง่าย
- ช่วยบรรเทาโรคหลอดเลือดแข็งตัว และโลหิตจางได้
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น

ควรกินเต้าหู้อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 มื้อ หรือมากกว่านั้นก็จะยิ่งดียิ่งๆ ขึ้นไปนะครับ
อย่าลืมหันมาสนใจ เต้าหู้ กันบ้างนะครับ ^^

ไลย์ซีน (LYSINE)
ควบคุมการดูดซึมแคลเซียมให้เพียงพอ และรักษาความสมดุลของไนโตรเจนในผู้ใหญ่ช่วย คอลลาเจน ในการทำให้กระดูกอ่อนต่อกับเนื้อเยื้อ ช่วยเหลือผลผลิตของแอนตี้บอดี้ให้มีความสามารถต่อสู้ไขหวัด และการขยายตัวของโรคผิวหนังพุพอง ลดไตรกลีเซอไรด์

เมธิโอนีน (METHIONINE)
มีอำนาจต่อต้านอนุมูลอิสละ และเป็นแหล่งที่ดีของซัลเฟอร์ ซึ่งป้องกันความผิดปกติของ ผม ผิวหนัง และเล็บ
ช่วยในการลดไขมัน จึงช่วยป้องกันไขมันในตับ และเส้นเลือดเลี้ยงหัวใจ ซึ่งทำให้เลือดเดินไปเลี้ยงสมอง หัวใจ และไต ได้สะดวก รวมถึงช่วยขจัดสารพิษ เช่น สารตะกั่ว และ สารหนักต่าง ๆ ช่วย ลดความเสียหายของกล้ามเนื้อ ป้องกันความเปราะบางของเส้นผม ป้องกันผลกระทบจากรังสี เป็นผลดีสำหรับผู้หญิงที่เป็นมีการคุมกำเนิด เพราะ ส่งเสริมการขับฮอร์โมนเอสโตรเจน ลดฮิสตามีน (histamine) ในร่างกาย ซึ่งทำให้สมองถ่ายทอดข้อความผิดๆ ให้ความช่วยเหลือจากความเจ็บป่วยด้านจิตเพศในแต่ละบุคคล